ทำไมเก้าอี้พักคอยในสนามบินถึงไม่เหมือนในโรงพยาบาล?

เคยนั่งรอคิวที่โรงพยาบาลแล้วรู้สึกว่าเวลารอเหมือนนานกว่าปกติมั้ย?? แล้วลองเทียบกับตอนนั่งรอขึ้นเครื่องที่สนามบินดู ทั้งที่ “เก้าอี้พักคอย” ดูคล้ายกันมาก แต่ความรู้สึกเหมือนต่างกันค่อนข้างมาก นั่นเพราะเก้าอี้ในแต่ละสถานที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพียงเพื่อ “ให้นั่ง” เท่านั้น แต่มันออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ของการรอ ด้วย สนามบินต้องการให้ผู้โดยสารหมุนเวียนได้รวดเร็ว จัดการกับสัมภาระและผู้คนจำนวนมาก ส่วนโรงพยาบาลกลับต้องการพื้นที่ที่ช่วยให้คนรู้สึกสงบ ลดความกังวล และรอได้อย่างสบายใจ

เก้าอี้พักคอยสนามบิน VS โรงพยาบาล ทำไมออกแบบไม่เหมือนกัน?

เวลานั่งรอที่สนามบินกับโรงพยาบาล เคยสังเกตไหมว่าความรู้สึกมันต่างกัน ทั้งที่ดูเผิน ๆ ก็เป็น “เก้าอี้พักคอย” เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้ว การออกแบบของแต่ละที่ตั้งอยู่บนหลักการที่ต่างกันไป ซึ่งสามารถอธิบายได้ตามนี้

สนามบิน: เก้าอี้ที่ต้อง อึด ถึก ทน และรองรับคนตลอดเวลา

สนามบินคือพื้นที่ที่มีผู้คนเดินทางเข้าออกตลอด 24 ชั่วโมง เก้าอี้พักคอยที่นี่จึงต้องเน้นความทนทานมากกว่าเรื่องอื่นๆ เพราะไม่ได้รองรับแค่คนนั่ง แต่ยังต้องรับแรงจากสัมภาระที่ผู้โดยสารวางพาด วางลาก หรือใช้พักแขนเป็นโต๊ะชั่วคราว

นักออกแบบสนามบินจะให้ความสำคัญกับเรื่อง Passenger Flow มากเป็นพิเศษ การจัดวางเก้าอี้ต้องไม่ขวางทางเดินหลัก โดยเฉพาะโซนประตูทางออก ซึ่งต้องกว้างพอให้คนเดินสวนกันได้อย่างอึดอัด  — นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเห็นเก้าอี้ในสนามบินเรียงแถวเป็นแนวยาว สะอาดตา ไม่มีของตกแต่งเกินจำเป็น

เพราะต้องรองรับคนจำนวนมากและใช้งานต่อเนื่องหลายปี เก้าอี้ในสนามบินจึงมักใช้โครงโลหะเป็นหลัก และเน้นการบำรุงรักษาง่ายมากกว่าความนุ่มสบายเหมือนเก้าอี้ทั่วไป แต่ในยุคใหม่ เก้าอี้สนามบินเริ่มถูกออกแบบให้ล้ำมากขึ้น เช่น มีช่องชาร์จไฟ USB, ที่วางแก้ว หรือแม้แต่พื้นที่เก็บของใต้ที่นั่ง เพื่อให้การรอของผู้เดินทางได้สะดวกขึ้นโดยไม่ทำให้พื้นที่รก

อ้างอิง nainteriors.com | osjfurniture.com

โรงพยาบาล ออกแบบมาสำหรับ ความรู้สึก

ในทางกลับกัน เก้าอี้พักคอยในโรงพยาบาลไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อรับแรงหรือรองรับสัมภาระ แต่เพื่อรองรับ ความรู้สึกของคนที่กำลังรอ

บรรยากาศในโรงพยาบาลโดยมากแล้วน่าจะเต็มไปด้วยความกังวล ความไม่แน่นอน ดังนั้น การออกแบบห้องพักคอยจึงต้องช่วยให้ผู้คนรู้สึกสงบและปลอดภัยมากที่สุด ทั้งในเชิงแสง สี และวัสดุ เช่น ใช้ไฟโทนอุ่นแทนไฟขาวจ้า ใช้วัสดุไม้หรือผ้าแทนโลหะ เพิ่มความรู้สึกอ่อนโยนมากขึ้น

เก้าอี้ในโรงพยาบาลมักออกแบบให้รองรับการนั่งนาน มีเบาะนุ่ม พนักพิงโค้งรับหลัง และสามารถจัดวางได้หลายรูปแบบ เช่น แบบแถว หรือแยกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อให้ครอบครัวนั่งรอด้วยกันได้

แนวคิดใหม่ของโรงพยาบาลยุคนี้เรียกว่า “Therapeutic Design” หรือการออกแบบเพื่อเยียวยา ไม่ได้เน้นแค่ความสวยหรือความคงทน แต่ให้ความสำคัญกับ “ความรู้สึก” ของคนที่อยู่ในพื้นที่ เพราะแม้จะไม่ได้รักษาโดยตรง แต่เก้าอี้ที่นั่งสบายในบรรยากาศที่อบอุ่น ก็ช่วยให้การรอคอยไม่น่าอึดอัด และลดความเครียดได้จริง

อ้างอิง Medium.com

จิตวิทยาของการจัดวางเก้าอี้ ในแต่ละสถานที่ 

นอกจากการออกแบบเก้าอี้ให้ใช้งานได้จริงและดูแลทำความสะอาดง่ายแล้ว สิ่งที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกตคือ “บรรยากาศรอบตัว” ที่ส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ของผู้คนในระหว่างการรอ ไม่ว่าจะเป็นสีของผนัง แสงไฟ หรือวัสดุตกแต่งเล็ก ๆ เหล่านี้ ล้วนถูกออกแบบอย่างมีจุดประสงค์เพื่อ “จัดการอารมณ์ของผู้ใช้พื้นที่” ต่างกันไปในแต่ละสถานที่

โรงพยาบาล: ออกแบบเพื่อเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ

แนวคิดที่เรียกว่า Biophilic Design หรือ “การออกแบบให้ใกล้ชิดธรรมชาติ” ถูกนำมาใช้มากขึ้น เช่น การเปิดรับแสงธรรมชาติ การจัดมุมมองให้เห็นต้นไม้ หรือเพิ่มเสียงธรรมชาติอย่างเสียงน้ำไหลเบา ๆ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และช่วยให้หัวใจเต้นช้าลงอย่างเป็นธรรมชาติ

เรื่องของสี ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน

• สีฟ้าหรือน้ำเงิน: ให้ความรู้สึกสงบ เย็น และปลอดภัย
• สีขาวหรือครีม: ช่วยให้พื้นที่ดูสะอาดและผ่อนคลาย
• สีแดง: มักหลีกเลี่ยง เพราะกระตุ้นอารมณ์และอุณหภูมิในร่างกาย

สนามบิน: เพื่อให้ประสบการณ์เดินทางดีกว่าเดิม

สำหรับสนามบิน การออกแบบไม่ได้มีแค่ความสะดวกสบาย แต่ยังต้องสื่อสาร “เอกลักษณ์ของสนามบินประเทศนั้นๆ” และสร้างความประทับใจให้ผู้โดยสารตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง เพื่อให้มีการกลับมาอีก และอาจพูดถึงต่อไปเรื่อยๆ

ในพื้นที่รอขึ้นเครื่อง (Holdroom) ซึ่งเป็นจุดที่ผู้โดยสารใช้เวลานานที่สุด สนามบินหลายแห่งจึงเน้นเรื่องบรรยากาศมากเป็นพิเศษ วัสดุอย่างไม้หรือโลหะดีไซน์เรียบหรูมักถูกเลือกมาเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศ หรือบางแห่งใช้โทนสีที่สื่อถึงเอกลักษณ์ท้องถิ่น เช่น สีทองอบอุ่นของสนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อความคาดหวังของผู้โดยสารเพิ่มขึ้น สนามบินทั่วโลกจึงเริ่มเปลี่ยนแนวทางจาก “ที่นั่งโลหะเย็น ๆ แบบเดิม” ไปสู่ “การออกแบบที่มีชีวิตชีวาและใส่ใจความรู้สึก” มากขึ้น เก้าอี้ถูกออกแบบให้สบายขึ้น ใช้วัสดุที่ให้สัมผัสอบอุ่นขึ้น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น พอร์ตชาร์จไฟหรือโต๊ะวางของ เพื่อให้ช่วงเวลาการรอเครื่องบินกลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ดีของการเดินทางนั่นเอง